
พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิด เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
- เป็นข่าวใหญ่ของผู้คนในวงการคอม พิวเตอร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อันเนื่องมาจากการมีผลบังคับใช้ตามกฎหมายหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา ทำให้ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 จะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา 30 วัน นับจากวันที่ 18 มิ.ย. 2550 มาตราต่าง ๆ ใน พ.ร.บ.จำนวน 12 หน้า เกี่ยวข้องกับบทลงโทษผู้ทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์รวมถึงกำหนดบทบาทการทำงานของเจ้าหน้าที่ ขอสรุปมาตราหลัก ๆ ในหมวด 1 มาให้อ่านกัน มาตรา 5 กำหนดไว้ว่า ผู้ใดเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 6 ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะ ถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พูดกันง่าย ๆ ก็คือ ในมาตรา 5 มีไว้เพื่อลงโทษพวกที่ชอบแอบเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของชาวบ้าน หากทำความผิดเข้าข่ายมาตราดังกล่าวก็จะเจอโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และมาตรา 6 หากพวกที่แอบเจาะข้อมูล ขโมยข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์ไปเปิดเผยทำให้คนอื่นได้รับความเสียหายก็จะมีโทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาทหรือจำคุกไม่เกินหนึ่งปีอีกมาตราหนึ่งที่หลาย ๆ ฝ่ายรอกันมานาน โดยเฉพาะผู้เสียหายจากการเผยแพร่ ตัดต่อภาพถ่าย ภาพวิดีโอที่เห็นเป็นข่าวอยู่เป็นประจำ ก็จะอยู่ในมาตรา 16 เขียนไว้ว่า ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ใช่ว่าจะลงโทษแค่ต้นตอเผยแพร่ภาพเหล่านั้น ผู้ส่งต่อหรือพวกที่ชอบฟอร์เวิร์ดเมล์ แม้จะรู้ว่าการส่งต่อจะทำให้เกิดความเสียหายกับผู้อื่นก็มีความผิดเช่นกัน โทษที่กำหนดไว้ก็คือจำคุกไม่เกินห้าปี ปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท ยกตัวอย่างมาให้อ่านแบบย่อ ๆ เฉพาะบทลงโทษที่สำคัญซึ่งเรามักจะพบเจอบ่อย ๆ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ก่อนจะส่งต่ออีเมลที่มีเนื้อหาหรือรูปที่ไปทำลายผู้อื่น ไม่ได้สร้างสรรค์สังคมก็ลบหรือหยุดแค่เรา อย่าได้ริไปส่งต่อ ระวังจะเจอโทษทั้งจำและปรับ มาช่วยกันกำจัดพวกที่แอบอยู่ในมุมมืดของโลกออนไลน์กันดีกว่า.ปรารถนา ฉายประเสริฐ
- ไม่แจ๋วพอลากไส้แฮกเกอร์ ปรเมศวร์ มินศิริ นายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย ได้ประเมินพ.ร.บ.การกระทำผิดคอมพิวเตอร์ ของไทยฉบับนี้ว่ายังถือเป็นกฎระเบียบที่ถือว่าอ่อนมาก หรือเรียกได้ว่าอ่อนที่สุดหากเทียบกับกฎระเบียบของต่างประเทศ โดยมีผลสามารถใช้บังคับได้เพียงเบื้องต้นเท่านั้น "พวกแฮกเกอร์เก่งๆ ที่สามารถเข้าถึงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ และทำให้เกิดความสูญเสียต่างๆ นานานั้นคงจะเตรียมทางหนีทีไรไว้เป็นอย่างดี จนทางการไทยไม่สามารถที่เข้าไปถึงกลุ่มคนเหล่านี้ได้" ปรเมศวร์ ได้อธิบายว่าอย่างขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพ.ร.บ.ฉบับนี้ ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องของอำนาจหน้าที่ และหากเกิดเหตุการณ์ขึ้นจริง ก็ต้องรอการของอนุมัติหมายศาลก่อน จึงจะสามารถลงมือทำอะไรต่อไป ซึ่งในความเป็นจริงโลกเทคโนโลยีทุกวันเปลี่ยนแปลงเร็วมาก หากขั้นตอนปฏิบัติเป็นเช่นนี้ผู้ที่จงใจกระทำความผิดก็จะลอยนวลต่อไป แต่หากให้อำนาจหน้าที่กับเจ้าหน้าที่มากเกินไป ก็จะส่งผลเสียต่อการใช้อำนาจที่ให้มาล้นฟ้าในทางที่ผิดได้เช่นกัน เช่นเดียวกัน กนกวรรณ ว่องวัฒนะสิน ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท อินเตอร์เนต โซลูชั่น แอนด์ เซอร์วิส โพรวายเดอร์ จำกัดหรือไอเอสเอสพี กล่าวว่ากฎหมายไอซีทีเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ของไทยที่ออกมานั้นยังไม่สุดสุดเหมือนกับในบางประเทศ และยังไม่แน่ใจว่าในทางปฏิบัติแล้วจะเกิดปัญหาหรือไม่ เนื่องจากจะต้องให้เกิดเหตุการณ์ที่มีการกระทำความผิดเกิดขึ้นและค่อยแก้ไขเป็นเคสตัวอย่างที่จะใช้เป็นบรรทัดฐานต่อไป การที่ไทยเตรียมจัดตั้งเจ้าหน้าที่ทำงานด้านนี้เพียง 20-30 คน นั้นอาจจะไม่เพียงพอกับการเข้ามาดูแลเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะอย่างในต่างประเทศจะมีการจัดคนที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านนี้โดยเฉพาะเข้ามาดูแล นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือจากผู้ใช้อินเทอร์เน็ตและเหล่าแฮกเกอร์ที่เป็นฝ่ายดีในการช่วยยับยั้งกลุ่มคนที่ไม่ดีด้วย "เราจะต้องสร้างและส่งเสริมให้เกิดการใช้งานอินเทอร์เน็ตในแนวทางที่ดี เนื่องจากกฎระเบียบที่วางไว้ไม่ทันกับเหตุการณ์ในโลกไซเบอร์ที่เกิดขึ้น" สิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวถึงพ.ร.บ.ฉบับนี้ว่า โดยเจตนารมณ์ของกฎหมายต้องการป้องกันการลักลอบนำข้อมูลการใช้งานในระบบธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การป้องกันบุคคล ที่ตั้งใจกระทำผิดเกี่ยวกับด้านความมั่นคงและการหมิ่นประมาท การหมิ่นเบื้องสูง การเผยแพร่สิ่งลามกอนาจาร ทั้งเว็บไซต์ อีเมล ให้สามารถเอาผิดได้ จากเดิมไม่สามารถมีกระบวนการทางกฎหมายลงโทษได้ แต่เพียงให้หลังการประกาศใช้พ.ร.บ.การกระทำผิดคอมพิวเตอร์ เพียงหนึ่งวันกระทรวงไอซีทีถูกแฮกเกอร์มือดีลองของเป็นรายแรก โดยการเข้าไปเปลี่ยนพื้นหลังหน้าเว็บกระทรวงให้เป็นสีดำทั้งหมด และมีภาพของอดีตนายกรัฐมนตรีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กำลังยิ้มโบกมือทักทายปรากฎอยู่ตรงกลางเว็บ และหน้าโฮมเพจยังปรากฎภาพแบ็กกราน์สีดำ และรูปพล.อ.สนธิ บุญยรัตกะลิน พร้อมกับข้อความโจมตีเผด็จการ เห็นได้ชัดว่าแม้จะมีการประกาศใช้พ.ร.บ.ก็ยังไม่สามารถที่จะหยุดยั้งผู้หวังดีบนโลกไซเบอร์ได้ หากพิจารณาบทลงโทษสูงสุดของกฎหมายฉบับนี้มีโทษหนักจำคุกถึง 20 ปี โดยกฎหมายฉบับนี้กำหนดบทลงโทษเบาสุด ในกรณีเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ถือจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท แต่ถ้าเป็นการเข้าถึงข้อมูลคอมพิวเตอร์ ของผู้อื่นที่มีมาตรการป้องกันโดยมิชอบ เพิ่มโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท และหากผู้ใดทำให้เกิดความเสียหาย ทำลาย แก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น โดยมิชอบตามมาตรา 9 และในมาตรา 10 ผู้ใดกระทำโดยมิชอบเพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อี่นถูกระงับหรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ถ้าการเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นทันทีหรือในภายหลัง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาทและถ้าเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 10-20ปี
- ห่วงผู้ประกอบการไม่รอด ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดดอทคอม จำกัด เจ้าของเว็บไซต์ thaisecondhand.com กล่าวว่าสิ่งที่ผู้ประกอบห่วงที่สุดคือรายละเอียดของการจัดเก็บข้อมูล ซึ่งร่างประกาศเดิมกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องเก็บข้อมูลเลขบัตรประชาชนของผู้ใช้บริการด้วย ซึ่งทางผู้ประกอบการได้มีการหารือและให้ข้อมูลกับทางคณะกรรมการร่างว่าถ้าให้จัดเก็บข้อมูลดังกล่าวจะเป็นปัญหาและภาระทั้งสำหรับผู้ให้บริการเว็บไซตและผู้ใช้บริการ อาจถึงขั้นทำให้เว็บไซต์เล็กต้องปิดตัว อย่างไรก็ตามเรื่องของการจัดเก็บข้อมูลเลขบัตรประชาชนนั้น คณะกรรมการร่างได้มีการยกเลิกในส่วนนี้แล้ว ในความเป็นจริงของการให้บริการนั้นจะมีการจัดเก็บข้อมูลไอพีแอดเดรส เบอร์โทรศัพท์และเวลา ข้อมูลต่างๆ ก็สามารถระบุตัวตนของผู้ใช้บริการได้แล้ว โดยข้อมูลในส่วนนี้ระบบจะจัดเก็บอัตโนมัติ แต่สิ่งที่ภาวุธ เป็นห่วงคือเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่จะปฏิบัติตามกฎหมายว่าจะมาจากไหน เพราะผู้ที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้จะต้องมีความเชี่ยวชาญ ทั้งในส่วนของผู้ให้บริการเว็บไซต์รายใหญ่ๆ ไม่ค่อยมีปัญหาเพราะส่วนใหญ่จะมีระบบจัดเก็บข้อมูลล็อกไฟล์อยู่แล้วเพียงแต่การกำหนดว่าจะต้องมีการจัดเก็บอย่างน้อย 90 วัน อาจจะทำให้ต้องมีการลงทุนเพิ่มต่อไป ต่อบุญ พ่วงมหา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเว็บ ผู้ให้บริการเว็บไซต์ สนุกดอทคอม กล่าวว่าพ.ร.บ.นี้อาจะมีบางมาตราที่ส่งผลต่อการดำเนินงานของภาคเอกชน อาทิ การต้องจัดเก็บข้อมูลการใช้งานคอมพิวเตอร์ ถือเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของบริษัท โดยต้องลงทุนเพิ่มอุปกรณ์การจัดเก็บและสำรองข้อมูล ไม่เพียงเท่านั้นไทยอาจสูญเสียโอกาสการแข่งขันกับเว็บไซต์ของต่างประเทศที่แข็งแกร่งและยังมีความเสรีมากกว่ามาก ในขณะที่ประเทศไทยยังมีความเสี่ยงต่อการปฏิบัติงานและการให้บริการ ผู้ประกอบการบางรายอาจถึงขั้นปิดเว็บไซต์ และจะมีผู้ใช้คนไทยหันไปใช้งานผู้ใช้งานเว็บไซต์ต่างชาติมากยิ่งขึ้น
อ่านบทความฉบับเต็มได้ในบทความเรื่อง ฤาษีขี่เต่าไม่ทันโลกไซเบอร์ ผ่าพ.ร.บ.คอมพ์ฉบับ "แอ๊บแบ๊ว" หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายสัปดาห์ ฉบับวันที่ 30 กรกฎาคม - 5 สิงหาคม 2550"พ.ร.บ.คอมพ์ฯ" ยุ่งระดาษของกระทรวงไอซีที?โดย ผู้จัดการออนไลน์ 26 กรกฎาคม 2550 12:47 น.
http://www.thaijaidee.com/forum/index.php?PHPSESSID=7e63ac02d979fa427474d4225c4e2d2e&topic=6334.msg85508#msg85508
